วิธีวิ่งยังไงไม่ให้เหนื่อย ออกกำลังกายได้แข็งแรงและทนทานขึ้น

10 วิธีวิ่งยังไงไม่ให้เหนื่อย ออกกำลังกายได้แข็งแรงและทนทานขึ้น

การวิ่งเป็นกีฬาที่ช่วยเผาผลาญพลังงาน และเพิ่มความแข็งแรง ดีแคทลอนจะมาแบ่งปัน 10 เคล็ดลับวิ่งยังไงไม่ให้เหนื่อย เพื่อให้คุณสามารถวิ่งได้นาน และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

หลายคนมักประสบปัญหาเรื่องความเหนื่อยล้าระหว่างวิ่ง จนเกิดคำถามในใจว่า "วิ่งยังไงไม่ให้เหนื่อย?" หรือ "จะทำอย่างไรให้วิ่งได้นานขึ้นโดยไม่รู้สึกหมดแรง?" ความจริงแล้ว การวิ่งไม่เพียงแต่เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญพลังงาน แต่ยังมีประโยชน์ของการวิ่งอีกมากมาย เช่น ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของหัวใจและปอด กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และลดความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จึงขอแนะนำ 10 วิธีที่จะช่วยให้คุณวิ่งยังไงให้ไม่เหนื่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

10 เคล็ดลับวิ่งยังไงไม่ให้เหนื่อย เพิ่มความแข็งแกร่งให้คุณ

วิ่งยังไงไม่ให้เหนื่อย วอร์มอัพก่อนวิ่ง

วอร์มอัพก่อนวิ่ง

การวอร์มอัพก่อนวิ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้คุณ วิ่งยังไงไม่ให้เหนื่อย และลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ช่วยเตรียมร่างกายของคุณให้พร้อมสำหรับการออกกำลังกายที่เข้มข้นขึ้น โดยค่อย ๆ เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และการไหลเวียนของเลือดไปยังกล้ามเนื้อ

วิธีการวอร์มอัพที่แนะนำ:

  • เดินเร็วประมาณ 5-10 นาที เพื่อเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย
  • ยืดกล้ามเนื้อแบบเคลื่อนไหว (Dynamic Stretching) เช่น การยกเข่าสูง การเตะขาไปด้านหน้า และด้านหลัง
  • ยืดข้อต่อต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อเท้า เข่า และสะโพก
หากต้องการ วิ่งยังไงให้ไม่เหนื่อย อย่าข้ามขั้นตอนการวอร์มอัพ เพราะจะช่วยให้กล้ามเนื้อของคุณพร้อมทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เช็กสุขภาพร่างกายก่อนวิ่ง

เช็กสุขภาพร่างกายก่อนวิ่ง

ก่อนเริ่มโปรแกรมการวิ่งใด ๆ ควรตรวจเช็กสุขภาพร่างกายให้แน่ใจว่า ไม่มีอาการบาดเจ็บหรือความเสี่ยงที่อาจเป็นอันตราย

สิ่งที่ควรตรวจเช็ก:

  • ความคล่องตัวของกล้ามเนื้อ และข้อต่อ
  • สุขภาพของเข่า ซึ่งเป็นจุดที่รับแรงกระแทกมากที่สุดขณะวิ่ง
  • สภาพของหลัง เอว และสะโพก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาสมดุล
การเช็กสุขภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณทราบว่า ต้องระมัดระวังส่วนใดเป็นพิเศษ และปรับการวิ่งให้เหมาะกับสภาพร่างกายของคุณ

ฝึกวิ่งอย่างสม่ำเสมอ

ฝึกวิ่งอย่างสม่ำเสมอ

วิ่งยังไงไม่ให้เหนื่อย? การฝึกวิ่งอย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณพัฒนาท่าวิ่งที่ถูกต้องไม่เหนื่อยที่เหมาะกับตัวคุณเอง ยิ่งคุณวิ่งบ่อยเท่าไร ร่างกายก็จะยิ่งปรับตัว และแข็งแรงขึ้นเท่านั้น ความอดทนของระบบหัวใจ และหลอดเลือดจะพัฒนาขึ้น ทำให้คุณวิ่งได้นานขึ้นโดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้า

  • พยายามวิ่งทุกวัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที
  • เริ่มต้นที่ระยะทางหรือเวลาที่เหมาะกับความสามารถก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นขึ้น
  • ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่สามารถทำได้จริง

how-to-run-without-getting-tired

แก้ไขท่าวิ่งของคุณ

ท่าวิ่งที่ถูกต้องไม่เหนื่อยเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงาน การวิ่งด้วยท่าที่ไม่ถูกต้องจะทำให้คุณใช้พลังงานสิ้นเปลือง และรู้สึกเหนื่อยเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
เคล็ดลับสำหรับ ท่าวิ่งที่ถูกต้องไม่เหนื่อย

  • ยืนตัวตรง ศีรษะตั้งตรง มองไปข้างหน้า
  • ผ่อนคลายไหล่ ไม่เกร็ง
  • งอแขนเป็นมุม 90 องศา แกว่งไปมาใกล้ลำตัว
  • ก้าวเท้าให้พอดี ไม่ยาวหรือสั้นเกินไป
  • ลงเท้าที่ส้นเท้าหรือกลางเท้า ไม่ใช่ปลายเท้า
  • รักษาจังหวะการวิ่งให้สม่ำเสมอ

เติมพลังให้ร่างกาย และเสริมความฟิตให้กล้ามเนื้อ

เติมพลังให้ร่างกาย และเสริมความฟิตให้กล้ามเนื้อ

อีกหนึ่งวิธีวิ่งยังไงไม่ให้เหนื่อย คือ การเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ เพราะกล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะช่วยรองรับน้ำหนักตัวขณะวิ่งได้ดีขึ้น ช่วยลดความเหนื่อยล้า

การทำเวทเทรนนิ่งที่แนะนำ:

  • สควอท เพื่อเสริมความแข็งแรงของขาและสะโพก
  • ลันจ์ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาแต่ละข้าง
  • แพลงก์ เพื่อเสริมความแข็งแรงของแกนกลางลำตัว
  • คาล์ฟเรส เพื่อเสริมความแข็งแรงของน่อง
การทำเวทเทรนนิ่ง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่จำเป็นสำหรับการวิ่ง ทำให้คุณรู้วิธีวิ่งยังไงให้ไม่เหนื่อย และสามารถรักษาท่าวิ่งที่ถูกต้องไม่เหนื่อยได้นานขึ้น

พักให้เพียงพอ

พักให้เพียงพอ

การพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นส่วนสำคัญของการฝึกวิ่งที่มีประสิทธิภาพ เพราะร่างกายต้องการเวลาในการฟื้นฟู และซ่อมแซมกล้ามเนื้อ การไม่พักผ่อนอย่างเพียงพอ อาจทำให้ประสิทธิภาพการวิ่งลดลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ

  • นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง
  • สลับวันวิ่งกับวันพัก หรือวันที่ทำกิจกรรมออกกำลังกายแบบอื่นที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า

ฟังเพลง

ฟังเพลง

การฟังเพลงขณะวิ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณผ่อนคลาย แต่ยังช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากความรู้สึกเหนื่อยล้า เพลงที่มีจังหวะเหมาะสมยังสามารถช่วยให้คุณรักษาจังหวะการวิ่งที่สม่ำเสมอ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทคนิควิ่งยังไงไม่ให้เหนื่อย

เลือกเพลงที่มีจังหวะประมาณ 120-140 BPM (Beats Per Minute) ซึ่งเหมาะกับจังหวะการวิ่งทั่วไป และจะช่วยให้คุณรักษาท่าวิ่งที่ถูกต้องไม่เหนื่อยได้ดีขึ้น

ควบคุมการหายใจ

ควบคุมการหายใจ

การควบคุมการหายใจอย่างถูกต้องเป็นเทคนิควิ่งยังไงไม่ให้เหนื่อย โดยจะช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ซึ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของกล้ามเนื้อ และป้องกันอาการเหนื่อยล้า

  • หายใจเข้าทางจมูก และหายใจออกทางจมูก และปาก 
  • พยายามหายใจให้ลึก และใช้กระบังลมมากกว่าการหายใจตื้น ๆ ที่หน้าอก
  • สร้างจังหวะการหายใจที่สอดคล้องกับก้าวการวิ่ง เช่น หายใจเข้า 2 ก้าว หายใจออก 2 ก้าว

วิ่งสลับเดินเร็วหรือวิ่งเร็วสลับวิ่งปกติ

วิ่งสลับเดินเร็วหรือวิ่งเร็วสลับวิ่งปกติ

การวิ่งสลับเดินเร็วหรือวิ่งเร็วสลับวิ่งปกติเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ดีสำหรับใครที่ต้องการเรียนรู้วิธีวิ่งยังไงไม่ให้เหนื่อย เพราะเทคนิคนี้ช่วยให้ร่างกายได้พักเป็นช่วง ๆ ขณะที่ยังคงเคลื่อนไหว และเผาผลาญพลังงาน

วิธีการวิ่งสลับเดินเร็ว

  • วิ่งประมาณ 3-5 นาที แล้วเปลี่ยนเป็นเดินเร็ว 1-2 นาที
  • เมื่อรู้สึกว่าร่างกายเริ่มเหนื่อย ให้เปลี่ยนจากวิ่งเป็นเดินเร็ว
  • กลับไปวิ่งอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าร่างกายฟื้นตัว และพร้อม
เทคนิคการวิ่งเร็วสลับวิ่งปกติ
  • วิ่งเร็วหรือสปรินต์เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 30 วินาที
  • ตามด้วยการวิ่งปกติหรือช้าลงประมาณ 1-2 นาที
  • ทำซ้ำสลับกันไป

หารองเท้าวิ่งคู่ใจ

หารองเท้าวิ่งคู่ใจ

รองเท้าวิ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญในเทคนิควิ่งยังไงไม่ให้เหนื่อย รองเท้าที่ดีจะช่วยรองรับการกระแทก และช่วยให้คุณรักษาท่าวิ่งที่ถูกต้องไม่เหนื่อยได้ดียิ่งขึ้น มาดูวิธีเลือกรองเท้าวิ่งกันเลย

คำแนะนำในการเลือกรองเท้าวิ่ง:

  • เลือกรองเท้าที่มีขนาดพอดีกับเท้า ไม่คับหรือหลวมเกินไป
  • พิจารณาลักษณะการวางเท้าของคุณ (Pronation) เพื่อเลือกรองเท้าที่มีการรองรับที่เหมาะสม
  • เลือกรองเท้าที่มีน้ำหนักเบา แต่มีการรองรับ และความทนทานที่ดี
  • ทดลองสวม และเดินหรือวิ่งเพื่อทดสอบความรู้สึกก่อนตัดสินใจซื้อ
รองเท้าวิ่งที่แนะนำจาก Decathlon
  • Kiprun Long 2 - รองเท้าวิ่งที่ออกแบบมารองรับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้คุณวิ่งได้สบาย ๆ แม้ในระยะทางที่ไกล
  • Kiprun KS Light – รองเท้าน้ำหนักเบาที่เหมาะสำหรับการวิ่งเร็ว และการฝึกซ้อม ช่วยให้คุณพัฒนาท่าวิ่งที่ถูกต้องไม่เหนื่อยได้ดียิ่งขึ้น
  • JOGFLOW 190.1 - รองเท้าที่เหมาะสำหรับมือใหม่หัดวิ่ง ราคาไม่แพง แต่มีคุณภาพดี พื้นรองเท้าทำจากโฟม IMEVA ให้การรองรับแรงกระแทกที่เพียงพอ ยืดหยุ่น มอบความอิสระในการเคลื่อนไหว

การวิ่งอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเป็นทักษะที่ต้องอาศัยการฝึกฝน เคล็ดลับทั้ง 10 ข้อที่ดีแคทลอนนำมาฝากจะช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีวิ่งยังไงไม่ให้เหนื่อย หากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์วิ่งคุณภาพ Decathlon มีอุปกรณ์กีฬาครบวงจรตามที่คุณต้องการ ตั้งแต่รองเท้าวิ่งไปจนถึงเสื้อผ้า และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ดีแคทลอน เพื่อดูสินค้า และสั่งซื้อ หากช้อปครบ 1,500 บาท เรามีบริการส่งตรงถึงหน้าบ้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ เมื่อซื้อสินค้ากับดีแคทลอน เรารับประกันสินค้านานถึง 2 ปี และเปลี่ยนสินค้าได้โดยไม่ต้องมีใบเสร็จ และเมื่อสมัครเป็นสมาชิก Decathlon Membership คุณสามารถสะสมแต้ม เพื่อนำไปเป็นส่วนลด และแลกของรางวัลสุดพิเศษได้อีกด้วย