วิธีว่ายน้ำอย่างไรไม่ให้เหนื่อย

วิธีการว่ายน้ำอย่างไรไม่ให้เหนื่อย? อ่านเคล็ดลับหายใจขณะว่ายน้ำ

ดีแคทลอนพาไขข้อสงสัยวิธีการว่ายน้ำและวิธีการหายใจที่ถูกต้องและเทคนิคการว่ายน้ำที่จะทำให้คุณไม่เหนื่อยง่าย พร้อมเคล็ดลับการเลือกท่าว่ายและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

การว่ายน้ำถือเป็นหนึ่งในรูปแบบการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยม เพราะไม่เพียงแต่จะให้ความสนุก และความสดชื่นเท่านั้น แต่การว่ายน้ำยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายทั้ง เสริมสร้างสมรรถภาพหัวใจ และปอด วันนี้ดีแคทลอนจะพาไปทำความรู้จักกับเคล็ดลับการหายใจขณะว่ายน้ำ พร้อมแนะนำเทคนิคการว่ายน้ำและวิธีการว่ายน้ำที่จะช่วยให้ทุกคนว่ายได้สนุก และนานขึ้นโดยไม่รู้สึกอ่อนล้า

ทำไมการหายใจจึงสำคัญในการว่ายน้ำ

การหายใจเป็นสิ่งสำคัญมากในการว่ายน้ำ เพราะร่างกายต้องการออกซิเจนในการสร้างพลังงาน เพื่อขับเคลื่อนกล้ามเนื้อ หากควบคุมการหายใจไม่ถูกต้อง จะทำให้เหนื่อยง่าย ขาดออกซิเจน และเสี่ยงต่อการสำลักน้ำ โดยการฝึกหายใจให้ถูกจังหวะ เช่น หายใจเข้าทางปากขณะอยู่เหนือน้ำ และหายใจออกทางจมูกเมื่อใบหน้าจมอยู่ใต้น้ำ จะช่วยให้คุณว่ายน้ำได้นาน ลดความอ่อนล้า ช่วยลอยตัวได้ดีขึ้น และเพิ่มความปลอดภัยในการว่ายน้ำ

เคล็ดลับการหายใจขณะว่ายน้ำ มีอะไรบ้าง

มาดูเคล็ดลับการหายใจขณะว่ายน้ำที่ดีแคทลอนรวบรวมมาให้กันเลย

วิธีการว่ายน้ำที่ถูกต้อง ควรฝึกหายใจเข้าและออกให้เป็นจังหวะ

1. หายใจเข้าและออกให้เป็นจังหวะ 

ควรฝึกการ หายใจเข้า และออกอย่างมีจังหวะ เช่น หายใจเข้าบนผิวน้ำทางปาก เก็บลมไว้ในปอด แล้วค่อย ๆปล่อยลมหายใจออกทางจมูกเมื่อใบหน้าอยู่ใต้น้ำ โดยการเป่าออกให้เป็นฟองลมใต้ผิวน้ำ เป็นเทคนิคการว่ายน้ำที่จะช่วยให้ไม่เกิดอาการสำลักน้ำและลดความเหนื่อย ช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ดี ว่ายน้ำได้นานขึ้น

เทคนิคการว่ายน้ำที่เหมาะสมคือ ต้องเลือกท่าหายใจให้ถูกตามสไตล์การว่ายน้ำ

2. เลือกท่าหายใจตามสไตล์การว่าย

วิธีการว่ายน้ำแต่ละท่ามีวิธีหายใจที่เหมาะสมแตกต่างกัน เช่น ท่าฟรีสไตล์ควรหายใจด้านข้าง โดยพลิกศีรษะขณะที่เหวี่ยงแขน หรือเลือกหายใจทุก 2 หรือ 3 สโตรกตามความถนัด สำหรับท่ากบหรือท่ากรรเชียง จะต้องเงยหน้าขึ้นกลางน้ำแล้วสูดหายใจเข้าทางปากก่อนดำลงว่ายต่อ โดยการเลือกจังหวะ และท่าหายใจให้ตรงกับท่าว่ายจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความสมดุลในการเคลื่อนไหว

เทคนิคการว่ายน้ำด้วยการฝึกกลั้นกายใจ สามารถช่วยป้องกันการสำลักน้ำได้

3. ฝึกการกลั้นหายใจและควบคุมลม

การฝึก กลั้นหายใจ และควบคุมลม เป็นเทคนิคการว่ายน้ำที่จะช่วยป้องกันการสำลักน้ำ และช่วยให้ร่างกายปรับตัวเมื่ออยู่ในน้ำได้ดี สามารถเริ่มต้นง่าย ๆ ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. หายใจเข้าลึก ๆ ทางปากบนผิวน้ำ
2. ก้มหน้าลงในน้ำ และค่อย ๆ เป่าลมหายใจออกทางจมูกให้เป็นฟองลมออกมาอย่างต่อเนื่อง
โดยการกำหนดเวลาและเพิ่มระยะเวลาในการกลั้นหายใจ จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของปอด และเพิ่มความมั่นใจในทุกการเคลื่อนไหวใต้น้ำ

วิธีว่ายน้ำ แบบฝึกการหายใจร่วมกับจังหวะตีแขนและขาช่วยควบคุมการหายใจได้ดี

4. ฝึกการหายใจร่วมกับจังหวะการตีแขนและขา

การฝึกหายใจร่วมกับจังหวะตีแขน และขา จะช่วยให้ว่ายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยควรประสานการหายใจเข้ากับจังหวะที่แขนโผล่ขึ้นเหนือน้ำหรือจังหวะพลิกศีรษะตามท่าที่ว่าย จากนั้น เมื่อใบหน้ากลับลงใต้น้ำ ให้ค่อย ๆ หายใจออกพร้อมกับการตีแขน และขา ซึ่งเทคนิคการว่ายน้ำนี้ จะช่วยให้สามารถควบคุมลมหายใจได้ดี และลดอาการเหนื่อยขณะว่ายน้ำ เช่น ในท่าฟรีสไตล์จะหายใจข้างในจังหวะที่แขนเหวี่ยงขึ้น และสลับข้างเป็นระยะ

ว่ายน้ำอย่างไรให้ไม่เหนื่อย

1. เลือกท่าว่ายที่เหมาะสมกับระดับของตัวเอง: เลือกท่าว่ายที่ง่าย และถนัด เช่น ท่าฟรีสไตล์หรือท่ากรรเชียง เพื่อความมั่นใจ และผ่อนคลายความล้า ที่สำคัญ ควรปรับวิธีว่ายน้ำให้เหมาะกับสภาพร่างกาย และความชำนาญของตัวเองก่อนพัฒนาไปท่าที่ยากขึ้น

2. ไม่รีบออกแรงมากเกินไปในช่วงแรก: การรีบใช้แรงตั้งแต่เริ่มต้นจะทำให้รู้สึกเหนื่อยเร็วกว่าปกติ ควรผ่อนคลายร่างกาย และใช้แรงอย่างประหยัดในช่วงแรกของการว่าย แล้วค่อยเร่งเมื่อเข้าใกล้จุดหมาย

3. ใช้พลังจากสะโพกและลำตัว ไม่ใช้แขนเพียงอย่างเดียว: วิธีว่ายน้ำด้วยการหมุนลำตัว และขยับสะโพก จะช่วยส่งแรงไปในน้ำได้มากขึ้น ลดภาระการใช้กล้ามเนื้อแขน ทำให้ว่ายน้ำนานขึ้นโดยไม่ล้าเฉพาะส่วน และยังช่วยให้ออกแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าการดึงแขนเพียงอย่างเดียว

4. ปรับจังหวะและท่าทางให้ต่อเนื่อง: เช่น การวาดแขนและเตะขาให้สอดคล้องกันกับการหมุนตัว และแนวลำตัว จะช่วยลดแรงต้าน ทำให้เคลื่อนไหวในน้ำง่ายขึ้น และใช้พลังงานน้อยลง

5. ฝึกซ้อมและเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อแกนกลาง: การซ้อมว่ายน้ำเป็นประจำ และฝึกเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อ core (ท้อง-หลัง) จะช่วยให้การว่ายนิ่งขึ้น ทรงตัวในน้ำดี และไม่เหนื่อยง่าย

เพิ่มความอึดในการว่ายน้ำอย่างไร

1. ฝึกว่ายระยะสั้นก่อน แล้วค่อยเพิ่มระยะทาง : เริ่มจากการวิธีฝึกว่ายน้ำในระยะสั้น เพื่อสร้างความเคยชิน และประเมินจังหวะการว่าย จากนั้น ค่อย ๆ เพิ่มระยะทางมากขึ้นตามความแข็งแรง และความทนทานของร่างกาย 

2. ฝึกกีฬาชนิดอื่น : เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือเวทเทรนนิ่ง เพื่อช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพ ปอด และระบบไหลเวียนโลหิตให้แข็งแรงขึ้น ช่วยเพิ่มความทนทาน (Endurance) ทำให้ว่ายน้ำได้นานขึ้น และเหนื่อยน้อยลง

3. ใช้อุปกรณ์ช่วย : เทคนิคการว่ายน้ำที่จะช่วยเพิ่มความอึด คือ การใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น board หรือ snorkel เพื่อโฟกัสที่การหายใจ ฟินสำหรับเตะขา แผ่น board สำหรับฝึกขา หรือ snorkel สำหรับเน้นฝึกการหายใจ และจังหวะการดึงแขน 

4. เสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อแกนกลาง และกล้ามเนื้อขา : ฝึกว่ายน้ำ เพื่อเน้นกล้ามเนื้อแกนกลาง ฝึกเตะขาด้วยฟิน เพื่อเพิ่มความแข็งแรง และเพิ่มกำลัง

การว่ายน้ำมีข้อควรระวังอะไรบ้างสำหรับผู้เริ่มต้น

1. อย่ากลั้นหายใจนานเกินไป : การกลั้นหายใจนานเกินไป อาจทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน และเกิดอันตรายได้ ควรฝึกหายใจเข้าออกให้ถูกวิธีตลอดการว่ายน้ำ และอย่าฝืนกลั้นหายใจนานเกินความสามารถของตัวเอง เพื่อป้องกันอาการวิงเวียนหรือหมดสติ

2. พักเป็นระยะ ๆ เมื่อรู้สึกเหนื่อย : ไม่ควรฝืนว่ายน้ำต่อหากรู้สึกเหนื่อยหรือหมดแรง ควรหยุดพักทันทีเพื่อฟื้นฟูกำลังกาย ซึ่งการพักเป็นระยะจะช่วยป้องกันภาวะหมดแรงหรือเกิดตะคริวขณะว่ายน้ำ 

3. ฝึกในสระที่มีผู้ดูแลหรือเพื่อนร่วมว่าย : การฝึกว่ายน้ำควรอยู่ในสระที่มีผู้ดูแลหรือมีเพื่อนร่วมว่ายน้ำไว้คอยช่วยเหลือ หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที การว่ายน้ำเพียงลำพังเป็นความเสี่ยงและควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด

4. อย่าฝึกหรือว่ายน้ำเมื่อมีอาการป่วย : หากรู้สึกไม่สบาย มีไข้ หรือโรคผิวหนัง ควรงดว่ายน้ำจนกว่าจะหายดี เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อน และลดความเสี่ยงต่อร่างกาย

5. ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสระว่ายน้ำ : เคารพคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ และกฎในสระว่ายน้ำ เช่น ไม่วิ่งเล่นรอบสระ และไม่กระโดดน้ำในที่น้ำตื้น เพื่อความปลอดภัยของตนเอง และคนรอบข้าง

การหายใจถือเป็นกุญแจสำคัญของการว่ายน้ำ หากสามารถควบคุมจังหวะการหายใจได้อย่างถูกต้อง และว่ายน้ำอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ว่ายน้ำได้ต่อเนื่องนานขึ้น รู้สึกสบาย ไม่เหนื่อยง่าย ลองทำตามเคล็ดลับวิธีว่ายน้ำ และเทคนิคการว่ายน้ำที่ดีแคทลอนนำมาฝากในวันนี้ดู รับรองว่า คุณจะสามารถว่ายน้ำได้สนุก และนานขึ้น

หากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์ว่ายน้ำ ไม่ว่าจะชุดว่ายน้ำ แว่นตาว่ายน้ำหรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่มีคุณภาพ ราคาย่อมเยา และมีให้เลือกครบทุกแบบ ครบทุกความต้องการ สามารถเลือกช้อปได้ที่ Decathlon ทุกสาขา หรือเลือกช้อปสะดวกผ่านเว็บไซต์ Decathlon เพราะเราจัดส่งฟรีให้ถึงบ้าน เมื่อช้อปครบ 1,500 บาท
นอกจากนี้ หากสมัครสมาชิก Decathlon Membership สามารถเปลี่ยนสินค้าได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้ใบเสร็จ พร้อมรับประกันสินค้า 2 ปี และสามารถสะสมแต้มเพื่อรับส่วนสด ของรางวัลสุดพิเศษ และสิทธิประโยชน์ระดับพรีเมียมจากดีแคทลอนได้

มากไปกว่านั้น หากคุณกำลังมองหาของขวัญไม่ว่าจะในโอกาสพิเศษใดๆ มอบของขวัญที่ใช่ด้วย Decathlon Gift Card ให้คนที่คุณรักได้เลือกสรรอุปกรณ์กีฬาในแบบที่ชอบ มูลค่าเริ่มต้น 100 บาทจนถึง 15,000 บาท อายุการใช้งาน 2 ปี ใช้งานสะดวกทั้งบนเว็บไซต์และที่ร้าน Decathlon ทุกแห่งในไทย มาช็อปกับดีแคทลอนเลย

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: เริ่มต้นฝึกว่ายน้ำควรเริ่มจากท่าไหน? ว่ายน้ำท่าไหนง่ายสุด?
A: ท่าฟรีสไตล์หรือท่ากรรเชียงเหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะง่ายต่อการลอยตัว และเคลื่อนไหว

Q: การว่ายน้ำช่วยอะไรบ้าง? ช่วยลดน้ำหนักหรือสร้างกล้ามเนื้อได้ไหม?
A: ว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายแบบใช้แรงต้านน้ำ จึงช่วยทั้งเผาผลาญพลังงาน และสร้างกล้ามเนื้อ

Q: การเตะขาที่ถูกต้องควรทำอย่างไร?
A: เตะจากสะโพก ขาเหยียดตรง ปลายเท้าว่ายน้ำชิดกัน และสะบัดน้ำเบาๆ เพื่อส่งแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้า

Q: ว่ายน้ำแล้วปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แก้อย่างไร?
A: ฝึกวอร์มอัพ และคูลดาวน์ก่อน-หลังว่ายน้ำ เช่น ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ว่ายน้ำช้า ๆ หรือนวดกล้ามเนื้อ จะช่วยลดอาการบาดเจ็บ และผ่อนคลาย

Q: มือใหม่ควรใช้อุปกรณ์อะไรช่วยฝึกว่ายน้ำ?
A: แนะนำเริ่มต้นด้วยโฟมหัดว่ายน้ำ เพื่อช่วยฝึกท่าหรือเสริมความมั่นใจในการลอยตัว และควบคุมท่าทาง โดยสามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ ที่ดีแคทลอนทุกสาขาหรือช้อปออนไลน์