7 แหล่งเดินป่าที่ต้องไปให้ได้ในประเทศไทย!

หนึ่งในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติและอุทยานมรดกแห่งอาเซียน แหล่งเดินป่าที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ ซึ่งหลายๆ คนชื่นชอบจะไปพักผ่อนหย่อนกายในวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 4 จังหวัด คือ สระบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี และนครนายก ถือเป็นบ้านหลังใหญ่ของสัตว์ป่า มีหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำลำธารหลายสาย จุดเด่นที่นักเดินป่าจะได้สัมผัสคือระหว่างเดินทางจะสามารถพบช้างป่าและสัตว์อื่นๆ ได้อย่างใกล้ชิด  กิจกรรมที่สามารถทำได้ในอุทยานแห่งชาติมีได้แก่ การดูนกในช่วงเช้าและช่วงเย็น การแคมป์ปิ้งที่สามารถกางเต็นท์นอนได้ เดินป่าศึกษาธรรมชาติระยะสั้นด้วยกันถึง 7 เส้นทาง การดูดาว แต่สำหรับการส่องสัตว์ยามค่ำคืนที่ต้องจองรอบก่อนใครที่สนใจอยากมาที่เขาใหญ่ สามารถเช่าเต็นท์ เข้าพักในอุทยานได้ ตลอดจนการหาที่พัก โรงแรม รีสอร์ตต่างๆ รอบด้านได้เพราะมีหลายสไตล์และหลายราคาให้เลือก

อีกสถานที่เดินป่าและปีนเขาที่ครองใจหลายคน ด้วยความสูงของยอดดอย 2,275 เมตรจากระดับน้ำทะเล สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ สามารถเดินทางมาได้ที่ได้ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ นักเดินป่าหลายคนมักมาชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกเพราะมีวิวที่สวยงามมาก ช่วงเวลาที่เหมาะกับการขึ้นเที่ยวดอยหลวงคือตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน - 31 มีนาคม จากความท้าทายที่กล่าวไปทำให้หลายๆ คนอยากจะไปพิชิตความสูง ซึ่งการไปครั้งนี้นอกจากจะได้ออกกำลังกาย สัมผัสธรรมชาติและสัตว์ป่าหลายชนิดอย่างใกล้ชิดแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้ตัดขาดจากความวุ่นวายในเมืองได้ เพราะจะต้องเดินป่าเป็นระยะเวลายาวนาน ด้วยระยะทางกว่า 10 กิโลเมตรใช้เวลานานกว่า 5-6 ชั่วโมง พักที่โฮมสเตย์หรือกางเต็นท์ที่ดอยหลวง และบางตำแหน่งก็ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ดังนั้นใครที่วางแผนจะเดินทางที่ดอยหลวงควรลงทะเบียนกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวล่วงหน้า พร้อมมีอุปกรณ์เดินป่าดีๆ เพื่อให้การเดินป่าสนุกยิ่งขึ้น

หลังจากขึ้นเหนือไปแล้ว เราก็พาทุกคนมาล่องใต้ต่อเลยที่เขาหงอนนาค จังหวัดกระบี่ ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ซึ่งเป็นเส้นทางความยาวประมาณ 3.7 กิโลเมตร เส้นทางเดินได้อย่างสบายๆ สลับกับเนินต่างๆ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนก็จะสามารถชมวิวโดยรอบของจังหวัดกระบี่  ในวันที่ฟ้าเปิดก็จะเห็นวิวทะเลสีฟ้าครามและป่าไม้สีสวยงาม พร้อมรับลมทะเลที่พัดตลอดทั้งวัน ข้อดีของการเดินป่าและปีนเขาที่นี่คือ ใช้เวลาเพียง 4-5 ชั่วโมงในการเดินและสามารถไปเที่ยวได้ทุกวัน ตั้งแต่ช่วง 4.00 น. และก่อน 15.00 น. เพื่อความปลอดภัย สำหรับใครที่ต้องการค้างคืนจำเป็นต้องขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่ก่อนล่วงหน้า

ภูกระดึง อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 2 ของประเทศไทย เหมาะสำหรับนักเดินป่ามือใหม่และอยากเข้าวงการนี้ เพราะการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวกและมีบริการลูกหาบเพื่อช่วยแบกสัมภาระไปในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถเช่าจักรยานเพื่อขับขี่ระหว่างเดินทางได้อีกด้วย จึงเหมาะกับการเปิดประสบการณ์การเดินป่าอย่างมาก นอกจากนี้ หลายๆ จุดพักระหว่างทางยังมีร้านอาหารมากมายไว้บริการจำนวนมาก สามารถสบายใจได้เลยว่าถ้าเดินจนเหนื่อยแล้ว ก็สามารถเติมพลังได้อย่างเต็มอิ่ม แถมยังมีน้ำตก ถ้ำ ผาต่างๆ มากมายให้แวะพักถ่ายรูปอีกด้วย

สำหรับนักเดินทางที่อยากจะออกทริปช่วงหน้าฝน “ภูสอยดาว” เป็นตัวเลือกที่ต้องเก็บเข้าลิสต์ด่วน เพราะนอกจากจะได้เดินป่าอย่างสุขใจแล้ว ยังได้ชมทุ่งดอกหงอนนาค ดอกไม้สีม่วงที่ขึ้นตามธรรมชาติที่มักจะบานในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน สามารถที่จะเข้ามาเดินเที่ยวและพักแรมได้ โดยมีระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตรใช้เวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง สามารถเดินทางมาได้ทั้งจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดอุตรดิตถ์

เขาช้างเผือกอยู่ในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี โดยเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ขึ้นยากมาก เพราะจองคิวได้ยาก เนื่องจากจะมีการจำกัดคนขึ้นเขาวันละ 60 คนเท่านั้นและจะต้องมีการจองล่วงหน้าก่อน 7 วัน โดยกิจกรรมเดินป่าศึกษาระยะไกลมีกำหนด 2 วัน 1 คืนจะมีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติคอยดูแลความปลอดภัยและสามารถจ้างลูกหาบในการแบกสัมภาระได้ ระยะทางรวมอยู่ที่ 8 กิโลเมตร ซึ่งจะต้องเดินตามเส้นทางที่อุทยานกำหนดเท่านั้น

ยอดเขาสูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ถือเป็นเส้นทางเดินป่าที่โหดและหินที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นการเดินป่าระยะไกลหรือ Trekking Trail เส้นทางจะมีทั้งทางราบ ทางชัน และทางชันมาก อาศัยความอดทนและความชำนาญอย่างมากในการเดินทาง โดยมีระยะทางไปกลับทั้งหมด 64 กิโลเมตรและใช้ระยะเวลา 5 วัน 4 คืนในการเดินป่า บนยอดเขามีความสวยงามอย่างมาก เมฆหมอกปกคลุมหนาทั่วบริเวณป่าตะวันตก รวมถึงยังสามารถมองเห็นทางช้างเผือกได้ในวันที่ฟ้าเปิด แถมยังได้ใกล้ชิดกับสัตว์ป่านานาพันธุ์ด้วย อย่างไรก็ตาม การขึ้นพิชิตเขาโมโกจูแห่งนี้ ทางอุทยานจะอนุญาตเพียง 1 ครั้งต่อปีเท่านั้น และไม่ใช่ว่านักเดินป่าทุกคนจะสามารถมาเดินเองได้ เพราะจะต้องสมัครและมีคุณสมบัติผ่านตามที่กำหนดเท่านั้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาโมโกจูจึงถือเป็นปริญญาเอกสำหรับนักเดินป่าในประเทศไทย